โดย ทรงชัย อังกาทิพย์
ภาพ สมเจตน์ วัฒนเวคิน,นายซ้งคนเดิม
เกาะช้าง จังหวัดระนอง มีขนาดใหญ่ทอดตัวจากทิศเหนือลงสู่ทิศใต้ ใครที่ไปเกาะพยามจะต้องผ่านเกาะช้างอันเขียวครึ้มเป็นเกาะที่ยังคงความเป็นธรรมชาติมากที่สุดเกาะหนึ่งของประเทศไทย ในยุคสมัยที่ผมทำนิตยสาร VOYAGE ต้องไปทำสารคดีที่เกาะพยาม นั่งเรือผ่านเกาะช้างผมถามคนขับเรือว่านี่คือเกาะอะไร คนขับเรือบอกว่า “เกาะช้าง” นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ชอบความสงบเงียบจะมุ่งตรงมาที่เกาะนี้แทนเกาะพยาม ผมนึกในใจว่าสักวันต้องมาเยือนเกาะช้างสักครั้ง แล้วถ้าพายเรือคายัคมาล่ะ น่าจะดีไม่น้อย...นั่นคือจุดเริ่มต้นหรือที่มาของการเดินทางในครั้งนี้
เริ่มการเดินทาง
ก่อนออกเดินทางเราทำการวางแผนการพายเรือมาเรียบร้อยแล้ว จะใช้เวลา 4 วัน 3 คืนในการพายเรือรอบเกาะ ที่พักแรมคืนเราเลือกนอนบ้านพัก-บังกะโลตามหาดต่าง ๆ ไม่ต้องขนเต็นท์ไปเพราะเกาะช้างจะมีที่พักแทบจะทุกหาดอยู่แล้วแถมราคาก็ไม่แพงอีกด้วย แต่ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเรื่องความสะดวกสบายมีไม่มากนะครับ เกาะนี้เขาใช้ไฟปั่น ประมาณ 22.00 น.ก็จะดับไฟหมด ที่พักไม่มีเครื่องปรับอากาศ นอนพัดลมและให้ลมโกรกตามธรรมชาติ แถมนอนในมุ้งอีกด้วย อาหารและน้ำดื่มผมเตรียมไปพอประมาณเฉพาะช่วงพายเรือเท่านั้นส่วนมื้อหลัก ๆ เราฝากท้องไว้กับที่พัก ดังนั้นการเตรียมอาหารจึงเป็นพวกอาหารให้พลังงานสูง เกลือแร่เท่านั้น การเดินทางครั้งนี้น้ำหนักสัมภาระที่จะบรรทุกใส่ในเรือคายัค หายไปเกือบครึ่งเลยทีเดียว
เตรียมตัวเอาเรือลงที่ท่าเรือต้นสน จังหวัดระนอง
จัดเตรียมสัมภาระลงเรือ ที่ท่าเรือต้นสน ระนอง
มาเกาะช้าง จังหวัดระนองผมมากัน 2 คนกับพี่เจต (สมเจตน์ วัฒนเวคิน) ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ 12.00 น. ถึง ตัวเมืองระนอง 22.00 น. พอรุ่งเช้าก็ขับรถมาจอดที่ท่าเรือต้นสนโดยฝากรถไว้ที่บ้านบังโบ้ย(09-3625-9990) ค่าฝากรถ 300 บาท(3 คืน) บ้านบังโบ้ยห่างจากท่าเรือต้นสนราว 100 เมตรเท่านั้นเอง เรือลงน้ำบรรจุสัมภาระทุกอย่างในช่องเก็บของเรียบร้อยก็พร้อมออกเดินทางพายเรือกันสบายๆผ่านป่าโกงกางอันสวยงาม จากท่าเรือสู่ปากคลองระยะทางราว 8 กิโลเมตรจุดสังเกตตรงปากคลองจะมีหมู่บ้านหาดทรายดำทางซ้ายมือ ตรงปากคลองเราจะเห็นเกาะช้างตรงเบื้องหน้าอย่างชัดเจน จากปากคลองถึงท่าเรือเกาะช้างระยะทาง 9 กิโลเมตรเป็นช่วงที่รับคลื่นรับลมเต็มที่รวมถึงกระแสน้ำในช่วงน้ำเป็น 15 ค่ำที่ไหลแรง การพายเรือสวนลม สวนกระแสน้ำเป็นเรื่องที่ไม่สนุกเลยเหนื่อยแสนเหนื่อยแถมหยุดพายก็ไม่ได้เพราะเรือจะไหลถอยกลับต้องเสียแรงเพิ่มขึ้นดังนั้นมีวิธีเดียวที่จะผ่านไปให้ได้คือการพายต่อเนื่องไม่หยุด
หัวใจสำคัญของการพายเรือทัวร์ริ่งคือการวางแผนในการพายให้ดีต้องเฉลี่ยแรงให้พอกับระยะทางในแต่ละวันเพราะถ้าหมดแรงเสียแต่หัววันการเดินทางวันนั้นก็จะไม่ถึงจุดหมาย ทักษะในการพายเรือที่ดีเป็นสิ่งจำเป็น คนมิใช่เครื่องจักร จะต้องมีเหนื่อยล้าการบริหารการใช้กล้ามเนื้อในแต่ละส่วนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และที่สำคัญอย่าให้ร่างกายขาดน้ำและพลังงานเป็นอันขาดควรทยอยดื่มน้ำและเติมพลังงานเป็นระยะอย่าให้ร่างกายโหยเพราะถ้าร่างกายโหยหิวแสดงว่าร่างกายขาดน้ำและพลังงานแล้ว เหล่านี้คือเคล็ดลับของการพายทัวร์ริ่งที่ผมใช้ตลอดในนับสิบปีที่ผ่านมา
พี่เจตนั่งหล่อระหว่างรับประทานมื้อบ่ายของวันแรกเลยท่าเรือเกาะช้างมาไม่ไกล หลังจากนั้นก็หมดหล่อเพราะน้าลงต้องลากเรือไปบนหาดเลนดูไม่จืดเชียวล่ะ
ทันทีที่เราแตะฝั่งเกาะช้างตรงท่าเทียบเรือก็พายต่อเพื่อหาฝั่งหยุดพักรับประทานมื้อบ่าย จากนั้นพายต่ออ้อมเกาะไปทางขวา ขึ้นทางทิศเหนือผ่านหมู่บ้านชาวมอแกนบริเวณหัวเกาะตรงหมู่บ้านชาวมอแกนจะรับคลื่นและลมทางทิศตะวันตกมองเห็นเกาะในประเทศเมียนม่าได้อย่างชัดเจน บริเวณหัวเกาะตรงนี้ต้องระวังให้ดีถ้ามีคลื่นลมแรง ๆ ควรพายอ้อมไปให้ไกลเลยนะครับอย่าเฉียดเข้าร่องนี้เด็ดขาด เพราะขนาดบ่ายนี้ทะเลเรียบยังมีกระแสน้ำวน(ทราบมาภายหลังว่าเคยมีเรือชาวบ้านล่มเสียชีวิตตรงนี้มาแล้ว) จากท่าเรือเกาะช้างพายมาจนถึงที่พักคืนแรกที่ซันเซ็ทบังกะโลระยะทาง 9 กิโลเมตร
ยามเย็นก่อนพายเข้าสู่อ่าวใหญ่เกาะช้างซึ่งเป็นวันแรกของการเดินทาง
ทิวทัศน์ยามเย็นมองจากอ่าวใหญ่เกาะช้างช่างสวยงามจริงๆ เกาะที่เห็นอยู่ในเขตประเทศเมียนม่า
เช้าวันที่ 2 อากาศเริ่มเปลี่ยนเมฆครึ้มแตกต่างจากเมื่อวานที่แสงแดดจัดมาเต็ม ๆ ระยะพายวันนี้ไม่มากเพียงแค่ 8 กิโลเมตรเท่านั้น เราเริ่มออกพายกันตอนใกล้เที่ยงพายไปชิล ๆ เริ่มสังเกตได้ว่าระหว่างทางลมและคลื่นเริ่มมาให้สัมผัสได้แล้วยิ่งเมื่อเราพายเข้าสู่อ่าวไข่เต่า อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระนองงานนี้มีตื่นเต้นพวกเราเซิร์ฟเข้าอ่าวไข่เต่าเข้าไปพักผ่อนชมวิวกันสักพักที่นี่เป็นพื้นที่เขตอุทยานสอบถามได้ความว่าสามารถมากางเต็นท์ได้นะครับ
พี่เจตถ่ายคู่กับป้ายอ่าวไข่เต่าระหว่างทางไปอ่าวเสียด
การออกจากฝั่งที่มีคลื่นลูกใหญ่ๆลำดับแรกลากเรือให้มาใกล้แนวคลื่นซัดเข้าสู่หาดจากนั้นนั่งลงในเรือสวมสเกิร์ตตั้งหัวเรือให้ตรงรับกับคลื่นค่อยๆไถเรือลงไปอย่างรวดเร็วอาศัยตอนคลื่นซัดแล้วถอยลงเรารีบไถเรือลงทะเลให้เร็วที่สุดวินาทีนั้นลงพายให้เร็วบังคับทิศทางสู้คลื่นตลอดตอนนี้อย่าหยุดหรือชะลอพายข้อดีของเรือ FeelFree Emotin EVO คือเรือพุ่งแหวกยอดคลื่นได้เร็วมากง่ายแบบที่ไม่ต้องลุ้นเลยจริงๆ
พวกเรามาถึงอ่าวเสียดในเวลาไม่ถึงชั่วโมงนับจากอ่าวไข่เต่า เข้าพักที่กรีนบานาน่า(โจรสลัด)ที่พักแนว ๆ ที่โดนใจมาก
เช้าวันที่ 3 ฝนตกหนักแต่เช้าตรู่ต้องรอจนเกือบถึง 09.00 น.จึงเริ่มออกพายไปที่เกาะพยาม ระยะพายจากอ่าวเสียดไปอ่าวใหญ่เกาะพยามประมาณ 13 กิโลเมตร ไป - กลับรวม 26 กิโลเมตร คำเตือนจากน้องเอ๊กซ์แห่ง กรีนบานาน่า ต้องระวังหัวเกาะพยามที่มองเห็นตรงหน้าให้ดี มีคลื่นสามเส้าอันตรายมาก ตอนบ่ายคลื่นลมจะแรงต้องระวังให้ดี หลังฝนหยุดคลื่นและลมสงบเราพายผ่านหัวเกาะพยามแบบไม่มีอะไร ผ่านอ่าวกวางปีบ, อ่าวเขาควายและก็เข้าสู่อ่าวใหญ่ในเวลาก่อนเที่ยงรวมเวลาพายและหยุดพักราว 2.40 ชั่วโมง เราพายเรือมาเพื่อกินข้าวกลางวันที่อ่าวใหญ่เกาะพยามจริง ๆ เพราะใช้เวลากินข้าวและพักผ่อนชั่วโมงเศษพอ13.00 น. ก็เริ่มออกจากอ่าวใหญ่มุ่งหน้ากลับ กรีนบานาน่าอ่าวเสียด เกาะช้างทันทีที่พ้นโค้งอ่าวผมนึกในใจว่าขากลับตรูเหนื่อยแน่นอน ทั้งคลื่นและลมที่ต้องพายสวนเป็นหนังคนละม้วนเมื่อเทียบกับตอนเช้า
เราพายเรือกลับมุ่งหน้าไปทิศเหนือซ้ายมือคือเมียนม่า ขวามือคือเกาะพยาม คลื่นซัดเข้าทางหัวเรือราว 10 นาฬิกาผมพายห่างจากเกาะน่าจะราว ๆ 700-800 เมตรในภาวะแบบนี้มองเห็นกันไกลๆเรียกไม่มีทางได้ยิน พี่เจตนำหน้าไปราว 200-300 เมตรในขณะที่พายผ่านหัวเกาะพยามจุดอันตรายเราจะต้องตีอ้อมเพื่อเข้าอ่าวเสียดแต่พี่เขาไม่เลี้ยวกลับไปตรงไปทางอ่าวไข่เต่าแบบนี้คือจำทิศไม่ได้ผมตัดสินใจเร่งพายพร้อมตะโกนเรียก โบกพายเป็นระยะสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกระแสน้ำพัดเรือผมเข้าหัวเกาะไปอย่างรวดเร็ว วินาทีที่รู้ตัวว่าจะเผชิญอะไรผมรีบตั้งสติจัดท่านั่งพร้อมรับสถานการณ์อันน่ากลัว คลื่นตรงหัวเกาะซัดกระแทกหัวเกาะ สะท้อนออกมามันไม่มีทิศทางและไร้ระเบียบ ผมพยายามทรงตัวพายเมื่ออยู่หัวคลื่นจังหวะลงไปตามคลื่นก็ประคองเรือพอตกท้องคลื่นก็รีบพายทำสลับไปตลอดจนฝ่าแนวคลื่นสามเส้าออกมาได้ ผมออกมาจากจุดนั้นได้ก็เพราะสติ ทักษะและที่สำคัญคือเรือ FeelFree Emotion EVO ที่มีความเสถียรมาก ถ้าเรือที่มีความเสถียรต่ำน่าจะมีหนังชีวิตอย่างแน่นอน งานนี้ต้องขอบคุณทุก ๆ สิ่งเลยจริง ๆ ครับ
พอออกจากคลื่นสามเส้ามาได้ผมตะโกนเรียกพี่เจตโบกพายอยู่สักพักพี่เขาเริ่มหันหัวเรือเข้าอ่าวเสียด หลังจากเข้าฝั่งผมถามพี่เจตว่าทำไมพายมุ่งหน้าไปทางอ่าวไข่เต่าพี่เขาบอกว่าจำทิศไม่ได้ แถมบอกว่าไม่เป็นไรถ้าหลงเลยขากลับก็ดาวน์วินตามคลื่นมาได้เลยแรงเหลือๆ 555 พี่ตรูไม่น่าเรียกเลยจริงๆ 555
อาทิตย์ลับขอบฟ้าที่อ่าวเสียด เกาะช้าง ระนอง
วันสุดท้ายของการเดินทางเราออกจากอ่าวเสียดมุ่งหน้ากลับเข้าฝั่งท่าเรือต้นสนตีรวดเดียไม่พัก ระยะทางราว 16 กิโลเมตรพายตามกระแสน้ำขึ้นโดยน้ำจะขึ้นสุดตอนเที่ยง ขากลับเจอทั้งแดดและฝนเป็นการส่งท้ายเรียกว่าครบทุกรสชาติจริงๆ
Author : ทรงชัย อังกาทิพย์
อดีตบรรณาธิการสารคดีนิตยสาร VOYAGE เป็นคนทำสื่อท่องเที่ยวมานานหลายสิบปีโดยเฉพาะสายท่องเที่ยวผจญภัยไม่ว่าจะเป็นเดินป่า, ปั่นจักรยานเสือภูเขา, พายเรือล่องแก่ง, พายเรือทัวร์ริ่ง ท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์ในหลากหลายนามปากกาอาทิ โจนาทาน, หมูหวาน, นายซ้งคนเดิม, Mr.paddle
สามารถติดตามได้ที่
Facebook : Songchai aunggatip
Fanpage : Charger journey
Youtube : CHERGER JOURNEY